ติดต่อ Connex Property ทางไลน์ ติดต่อ Connex Property ทาง facebook ติดต่อ Connex Property ทาง Message Facebook ติดต่อ Connex Property ทาง โทรศัพท์มือถือ
หน้าหลัก / “อรดา” ในเครือ DCON เปิดแผนธุรกิจ ปี’67 เน้นบ้านแนวราบ 2-7 ล้านบาท

“อรดา” ในเครือ DCON เปิดแผนธุรกิจ ปี’67 เน้นบ้านแนวราบ 2-7 ล้านบาท

“อรดา” ในเครือ DCON เปิดแผนธุรกิจ ปี’67 เน้นบ้านแนวราบ 2-7 ล้านบาท

DCON


“อรดา” ในเครือ DCON เปิดแผนธุรกิจ ปี’67 เน้นบ้านแนวราบ 2-7 ล้านบาท

เร่งเครื่องทำการตลาด เจาะกลุ่ม Real Demand  โกยยอดขายเฟสแรกแล้ว 50%

จ่อ Grand Opening GRAND DECO ศาลายา 23-24 มีนาคม 2567 นี้

 

“อรดา” อสังหาฯ ในเครือ DCON ลุยตลาดที่อยู่อาศัยปี 2567 เน้นพัฒนาแนวราบ เจาะกลุ่ม Real Demand ที่ต้องการที่อยู่อาศัย หรือมีกำลังซื้อในระดับราคา 2-7 ล้านบาท โดยโกยยอดขายเฟสแรกแล้ว 50% และจ่อเปิดตัว 2 โครงการใหม่ควบคู่กับขายโครงการต่อเนื่อง รวมมูลค่า 4,000 กว่าล้านบาท จาก 5 โครงการผ่านกลยุทธ์การตลาดแบบผสมผสานทั้งรูปแบบใหม่ และเก่า หวังเข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย พร้อมเตรียมจัดงาน Grand opening โครงการ GRAND DECO ศาลายา บ้านแฝด บ้านเดี่ยว และอาคารพาณิชย์ สไตล์ Minimal Nordic  ระหว่าง 23-24 มีนาคม 2567 นี้  พร้อมกับเปิดบ้านโซนใหม่ ติดสวน ทำเลดีที่สุดในโครงการ
ตั้งเป้าปิดการขายเฟส 1 กลางปีนี้ 

นางสาววิศรา พรกุล กรรมการ บริษัท อรดา จำกัด ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในเครือ


นางสาววิศรา พรกุล กรรมการ บริษัท อรดา จำกัด ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บมจ.ดีคอนโปรดักส์ (DCON) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจว่าในปี 2567 บริษัทฯ จะเน้นและให้ความสำคัญในการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นหลักจับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริงหรือกลุ่ม Real Demand ที่ต้องการหรือมีกำลังซื้อในระดับราคา 2-7 ล้านบาท แต่ละโครงการที่พัฒนาไม่ใหญ่มีมูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท และได้ตั้งงบ 100-200 ล้านบาท สำหรับซื้อที่ดินรองรับแผนการพัฒนาโครงการต่อเนื่อง โดยจะเน้นทำเลชานเมืองหรือปริมณฑล ขนาดที่ดินแต่ละแปลง ประมาณ 20-30 ไร่ ใช้เวลาในการพัฒนาและขายประมาณ 2-3 ปี ขณะที่เป้ายอดขายในปี 2567 ตั้งไว้กว่า 400 ล้านบาท


ทั้งนี้ตามแผนตั้งเป้านำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีก 3-5 ปี พร้อมที่จะขยายธุรกิจในโครงการต่อๆ ไปยังทำเลอื่นที่มีศักยภาพทั่วประเทศ เพื่อมุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่ดีมีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมโดยมุ่งสู่การเป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำ และมีการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนในประเทศไทย “ปัจจุบันที่เราเน้นทำเลชานเมืองและปริมณฑล เพราะเล็งเห็นถึงการเติบโต และการขยายตัวของผู้บริโภคจากภายในเมืองใหญ่ ขยายออกมาถึงปริมณฑล โดยเน้นทำเลที่เดินทางที่สะดวก สามารถไปทำงาน และไปโรงเรียนลูกได้สะดวก” นางสาววิศรา กล่าว


ลุยเปิดโครงการใหม่-ขายต่อโครงการเก่า ผ่านกลยุทธ์การตลาดแบบใหม่-เก่าผสมผสาน เจาะลูกค้าเป้าหมาย

กลุ่ม Real Demand 

พร้อมกับระบุว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ 2 โครงการเป็นแนวราบ คือโครงการบ้านเดี่ยว GRAND DECO นครปฐม ใกล้กับศูนย์ราชการใหม่ บนเนื้อที่ประมาณ 33 ไร่เศษ ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดตัวไตรมาส 2 ของปีนี้ มูลค่าถึง 780 ล้านบาท และอีก 1 โครงการที่เหลือ จะอยู่โซน จ.ปทุมธานี มูลค่าโครงการ 750 ล้านบาท เปิดตัวเร็วๆ นี้เช่นกัน ทำให้ในปีนี้บริษัทฯ มีโครงการที่พัฒนาทั้งโครงการเปิดใหม่ และโครงการที่เปิดในปีที่ผ่านๆ มารวมแล้ว 5 โครงการ (โครงการใหม่ 2 โครงการ และโครงการที่ขายต่อเนื่อง 3 โครงการ) มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 4,000 กว่าล้านบาท เพื่อรองรับกับการแข่งขันของตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2567 


บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริงหรือกลุ่ม Real Demand มากขึ้นในแบบผสมผสานทั้งการตลาดรูปแบบใหม่ และแบบเก่า หรือแบบดั้งเดิม อาทิ ใช้ Influencer สัตว์เลี้ยง/

อสังหาฯ/Lifestyle ใน Tiktok มาทำคลิปยิงโฆษณาตาม Channel ต่างๆ เช่น Tiktok และ Facebook เพื่อเก็บ Leads อีกทั้ง ป้าย Billboard  ป้ายข้างทาง รถแห่ โดยเน้นคลิปสั้นไม่เกิน 1 นาที มากขึ้นทั้งนี้ เพราะปัจจุบันคนเล่น Tiktok, Youtube Shorts กันมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการจัดอีเว้นท์ ออกแคมเปญ และโปรโมชั่นที่แปลกใหม่เพื่อดึงดูดลูกค้า นอกจากจะส่งเสริมการขายแล้วจะต้องเพิ่มมูลค่าให้โครงการได้ด้วย


แตกต่าง-ดีไซน์เด่น-ฟังก์ชันครบ-ตอบโจทย์การอยู่อาศัย

สำหรับ 3 โครงการที่อยู่อาศัยที่เปิดไปปีก่อนๆ ยังพัฒนาและขายต่อเนื่องนั้น แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 1 โครงการ และเป็นแนวราบ 2 โครงการ ซึ่งถึงแม้ในแต่ละโครงการจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน แต่ทุกโครงการบริษัทฯ จะเน้น “สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ทั้งคอนเซ็ปต์โครงการ ดีไซน์แบบบ้านโดดเด่น ฟังก์ชันใช้สอยครบ ตอบโจทย์การอยู่อาศัย” โดยทั้ง 3 โครงการประกอบด้วย ดังนี้


1. โครงการ Dcon prime รัตนาธิเบศร์ มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ เป็นอาคารสูง 38 ชั้น จำนวน 638 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 27.08-61.01 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคาขายเริ่ม 1.79 ล้านบาท ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ พร้อมเข้าอยู่ แถมเฟอร์นิเจอร์ STARMARK ครบ สามารถหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้ทันที และยังเป็นคอนโดฯแห่งเดียวในย่านรัตนาธิเบศร์ที่มี 3 สิ่งครบ ประกอบด้วย ติดรถไฟฟ้า MRT ไทรม้า 0 เมตร, วิวโค้งน้ำเจ้าพระยา และสระว่ายน้ำลอยฟ้าบนชั้นดาดฟ้า วิว 360 องศา ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติก สระว่ายน้ำดาดฟ้า Infinity Edge ชีวิตไร้ขอบเขตจึงเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์โครงการ “Hotelize Modern Style” สไตล์โรงแรมหรู ประดุจพักผ่อนตากอากาศโรงแรม 5 ดาว ตลอด 365 วัน นอกจากนี้ยังใกล้แหล่งงาน และแหล่งช็อปปิ้ง Central Plaza Westgate และแวดล้อมด้วยสถานที่อำนวยความสะดวกอื่นๆ 


2. โครงการ THE DECO บางนา มูลค่าโครงการ 930 ล้านบาท ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 35 ไร่ จำนวน 292 ยูนิต พัฒนาเป็นบ้านแฝด 2 ชั้น บนเนื้อที่ 37.5 ตารางวา (ตร.ว.) มี 2 แบบบ้านให้เลือก คือ SPACE และ WIDE พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 155-161 ตร.ม. ราคาขายเริ่มต้น 4.09 ล้านบาทต่อยูนิต และทาวน์โฮม CONNECT 2 ชั้น ฟังก์ชันครบ บนเนื้อที่ 20.70 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 125 ตร.ม. ราคาขาย 2.49 ล้านบาทต่อยูนิต และอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น เป็นพื้นที่ขายในอนาคต โครงการพัฒนาเป็นสไตล์โมเดิร์นที่ใส่ใจในการออกแบบทุกตารางเมตร ภายในบ้านมีฟังก์ชันตอบรับทุกการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ปลอดโปร่ง โล่งสบาย” เพดานห้องนอนใหญ่สูงถึง 3.1 เมตร เพื่อตอบโจทย์ผู้ต้องการที่อยู่อาศัยแถบบางนา บางบ่อ และสมุทรปราการ  ซึ่งจุดเด่นโครงการคือ อยู่ใกล้ทางด่วน ใกล้ห้างสรรพสินค้า ใกล้โรงพยาบาล ใกล้มหาวิทยาลัยชั้นนำ และไม่ไกลจากสนามบิน สุวรรณภูมิ พร้อมส่วนกลางจัดเต็ม Co-Working Space, Fitness, สระว่ายน้ำ, สวนส่วนกลางครบ ไม่ว่าจะเป็น สนามบาส มุมนั่งชิลล์และสนามเด็กเล่น โครงการนี้เราสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งโครงการอื่น เช่น มีคาเฟ่ส่วนตัวบรรยากาศดีๆ ที่ Lake Paradise ติดโครงการ สำหรับไว้พักผ่อนริมคลองขนาดใหญ่ และยังเพิ่มโซนสัตว์เลี้ยงสำหรับคนรักสัตว์ เรียกได้ว่ายืนหนึ่งโซนสัตว์เลี้ยงในย่านนี้เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการ ปลอดภัยด้วยกล้องวงจรปิดและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม. 

 

 

 

 


3. โครงการ GRAND DECO ศาลายา มูลค่าโครงการ 810 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 29 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านแฝด บ้านเดี่ยว และอาคารพาณิชย์ สไตล์ Minimal Nordic ที่โครงการนำความเรียบง่ายแต่ร่วมสมัย เพื่อให้สอดคล้องกับชีวิตคนรุ่นใหม่ โดยผสม ผสานความงดงามและเรียบง่ายอย่างลงตัว จำนวน 163 ยูนิต มีบ้านแบบ DAISY บ้านเดี่ยว 2 ชั้นขนาดใหญ่ บนเนื้อที่ 56 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 225 ตร.ม. หน้ากว้าง 15 เมตร ลึกถึง 7.7 เมตร ฟังก์ชันจัดเต็ม ให้มากกว่าถึง 5 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และ 3 ที่จอดรถ ห้องนอนใหญ่สามารถกั้น Walk- in Closet เก็บของได้เยอะจุใจ ห้องนอนกว้างใหญ่ทุกห้อง มีห้องนอนด้านล่าง ติดห้องน้ำเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ราคาขายเริ่มต้น 6.59 ล้านบาทต่อยูนิต


และ บ้านแบบ LILY บ้านแฝด 2 ชั้น หลังใหญ่ ด้วยหน้ากว้างถึง 10 เมตร ฟังก์ชันจัดเต็ม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ บนเนื้อที่ 37.5 ตร.ว.พื้นที่ใช้สอย 155 ตร.ม. ออกแบบให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเดี่ยว หน้ากว้าง 10 เมตร ลึก 6 เมตร จอดรถได้ 2 คัน ให้มาก กว่าถึง 3 ห้องนอน 1 ห้องเอนกประสงค์ และ 3 ห้องน้ำ มีห้องนอนด้านล่างติดห้องน้ำ เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ราคาขายเริ่มต้น 4.59 ล้านบาทต่อยูนิต ส่วนอาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้น เป็นพื้นที่ขายในอนาคต


สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการ GRAND DECO ศาลายา นอกจากจะเจาะตลาดในกลุ่มของคนวัยทำงานแล้วยังเอื้อต่อผู้ที่รักสัตว์เลี้ยง และผู้สูงอายุ ด้วยสไตล์การออกแบบบ้านที่ไม่เหมือนใครในโซนนี้ ทั้งทำเลที่ตั้งโครงการ การบริการ และความคุ้มค่าของราคา ทำให้ได้รับผลตอบรับจากลูกค้าผู้บริโภค เห็นได้จากการเปิดตัวโครงการนี้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ผลตอบรับค่อนข้างดี จากยอดเปิดขายเฟสแรก ถึง 50% และมีแนวโน้ม เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2567 นี้



“อรดา พยายามสร้างความแตกต่าง เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการ เช่น ดีไซน์ของแบบบ้านที่โดดเด่น และโซนสัตว์เลี้ยง ทำให้ลูกค้า มีทางเลือกในการตัดสินใจมากขึ้น” นางสาววิศรา กล่าว พร้อมกับยอมรับว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในย่านศาลายามีการแข่งขันค่อนข้างสูงจากคู่แข่งที่จำนวนมาก เพราะศาลายาถือเป็นพื้นที่ไม่ไกลจากเมืองยังสามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้อย่าง สะดวก มีทั้งทางด่วน ห้างสรรพสินค้า ใกล้โรงพยาบาล สถานที่ราชการต่างๆ ในอนาคตจะมีโครงการ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีแดงอ่อน จากสถานีตลิ่งชันมาถึงศาลายา และมีมอร์เตอร์เวย์ M81 บางใหญ่-กาญจนบุรี


“ศาลายา” คือทำเลทองที่น่าจับตา

ด้วยความหนาแน่นภายในเมือง ทำให้คนเริ่มมองหาที่อยู่อาศัยเพื่อขยับขยายออกมาชานเมือง และปริมณฑลมากขึ้น ถือว่าโซนนี้ เป็นอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ สังเกตได้จาก Developer เจ้าอื่นๆ ที่มาลงทุนในย่านนี้จำนวนมาก ทำให้การแข่งขันสูงทั้งในเรื่องของราคา และโปรโมชั่น แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่า “ศาลายา คือทำเลทอง” ที่น่าจับตามองมากในย่านนี้ผู้บริโภคมีความต้องการที่อยู่อาศัยทั้งบ้านเดี่ยว และบ้านแฝดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเหมาะแก่การลงทุนพัฒนาโครงการเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น 




พร้อมกันนี้ นางสาววิศรา ยังกล่าวย้ำในตอนท้ายว่า ด้วยจุดเด่นของทำเลที่ตั้งโครงการ GRAND DECO ศาลายา ประกอบกับ

รูปแบบการพัฒนาเป็นบ้านแฝด และบ้านเดี่ยว ที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยแถวศาลายา พุทธมณฑล ใกล้ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ใกล้มหาวิทยาลัยมหิดล และใกล้ห้างเซ็นทรัลพลาซ่า ศาลายา ที่เปิดตัว เหมือนเป็นการตอกย้ำว่าเป็นพื้นที่ทำเลศักยภาพที่เตรียมพัฒนาในอนาคตแน่นอน  อีกทั้งยังเข้า-ออกเมืองได้ง่าย เพียงแค่ใช้เส้นถนนบรมราชชนนี หรือทางพิเศษกาญจนาภิเษก ซึ่งในอนาคตตามแผนการพัฒนาของภาครัฐ จะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ตลิ่งชัน-ศาลายา ผ่าน ทำให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้นไปอีก โดยโครงการเน้นจุดเด่น มีโซนสัตว์เลี้ยงสำหรับทาสหมาแมว จำนวนยูนิตต่อซอยน้อย เพียงแค่ 6 หลัง เท่านั้น และตัวบ้านดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่น


ทั้งนี้ โครงการ GRAND DECO ศาลายา เริ่มเปิดขายไปเมื่อปลายปี 2566 และจะมีการจัดงาน Grand Opening วันที่ 23-24 มีนาคม 2567 นี้  พร้อมกับเปิดบ้านโซนใหม่ ติดสวน ทำเลดีที่สุดในโครงการ ซึ่งตั้งเป้าจะปิดการขาย Phase 1 ซึ่งมีจำนวน 69 ยูนิต ภายในกลางปีนี้ ลงทะเบียนก่อนใคร รับส่วนลดกว่าล้านบาท ได้ที่ https://bit.ly/496USRs หรือโทร 084-235-5770  

 

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

หรือ

เบอร์โทรศัพท์ +66 99-019-9900 ไลน์ @connexproperty FB Messenger FB Messenger WhatsApp WhatsApp